นางรจนา

นางรจนา



๑. บทบาท
๑.๑ บทบาทในการดำเนินชีวิต
ประวัตินางรจนา
นางรจนา จากเรื่องสังข์ทอง เป็นธิดาสุดท้องจากจำนวนเจ็ดองค์ของท้าวสามล พี่ๆเลือกคู่ได้สามีที่คู่ควรกันแล้ว แต่นางรจนากลับเลือกได้เจ้าเงาะรูปชั่วตัวดำ ทั้งๆที่ตนเป็นสาวสวย จึงเป็นที่เยาะเย้ยไปทั่ว ทำให้พระบิดากริ้วไล่ให้ไปตกระกำลำบากที่กระท่อมปลายนา แต่ความจริงที่นางเลือกก็เพราะเห็นรูปทองอยู่ข้างใน เจ้าเงาะถึงจะขี้ริ้วแต่ก็มีวิชาความรู้ จนต่อมาพระอินทร์ต้องแปลงร่างมาตีคลีเพื่อช่วยให้เจ้าเงาะได้ถอดรูปให้ทุกคนได้เห็นรูปทองในที่สุด ดังนั้นสาวๆที่มีสามีขี้ริ้วจึงมักถูกว่าเป็นนางรจนาควงเจ้าเงาะ
ตอนกำเนิดและชีวิตในวัยเยาว์ของนางรจนาไม่ได้กล่าวไว้ จึงสันนิษฐานว่าชีวิตในวัยเด็กคงราบรื่นไม่มีปัญหาใด ๆ เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่เป็นน้องที่รักของพี่ ๆ จะมามีเรื่องราวก็ตอนโตเป็นสาวแล้วนั้นเอง ส่วนบทบาทของความเป็นภรรยาเป็นศรีภรรยาและเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ไม่ขาดตกบกพร่อง
๑.๒ ชะตาชีวิต
รจนาได้ได้ต่อสู่กับชะตาชีวิตของตน โดยเกิดขึ้นจาก การเลือกคู่ของนาง เมื่อนางเลือกเจ้าเงาะเป็นคู่ครอง ทำให้บรรดาบิดามารดา และพี่ของนางทุกคนเกิดการไม่พอใจ บิดาเลยให้ไปอยู่กระท่อมปลายนากับสามีของนาง รจนาอยู่อย่างยากลำบาก ต้องปลูกผักกินเอง หุงหาอาหารต่าง ๆ โดยที่นางไม่เคยได้ทำมา แต่เมื่อนางมาอยู่กับเจ้าเงาะ เจ้าเงาะก็ได้สอนการเป็นแม่บ้านแม่เรือนให้กับนาง จนนางทำได้ทุกอย่างและอยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุข แต่บรรดาพ่อแม่และพี่ ๆ ก็ยังไม่อยู่เฉย ค่อยแกร่งอยู่ตลอด เช่น พระบิดาสั่งให้เจ้าเงาะหาเนื้อหาปลาไปถวายทุกวัน และเป็นจำนวนที่มาก เป็นต้น กว่าที่เจ้าเงาะกับนางรจนาจะได้อยู่ด้วยความสงบนั้น มีพระอินทร์สงสารทั้งคู่เลือกคิดอุบายจะมาจะมาตีเมืองของท้าวสามนต์ ท้าวสามนต์ก็ได้ให้เขยทั้งหลายออกมารบ ต่อก็ต้องแพ้พ่าย จนต้องให้เจ้าเงาะมารบจนชนะ ทำให้ท้าวสามนต์พอใจเลยให้ทั้งสองเข้ามาอยู่ในวังประจวบกับที่เจ้าเงาะทอดรูปเป็นพระสังข์ ทุกคนจึงหลงใหลในตัวของเจ้าเงาะ และอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขตลอดมา



๒. รูปโฉม
กล่าวถึงท้าวสามนต์ครองเมืองกับนางมณฑามเหสีเอก ไม่มีโอรส มีธิดาเจ็ดนาง แต่ละนางมีหน้าตาสวยดังที่มีบรรยายไว้ว่า งามโฉมชะอ้อนอ่อนเอวองค์ งามขนงวงพักตร์โสภาโดยเฉพาะพระธิดาองค์เล็กนั้นงามเป็นพิเศษ ดังที่ว่า

น้องนุชสุดท้องชื่อรจนา โสภาเพียงนางสวรรค์

และตอนที่เจ้าเงาะป่าได้พรรณนาความงานของนางรจนา ดังบทประพันธ์ต่อไปนี้

พิศโฉมพระธิดาวิลาวัณย์ ผุดผาดผิวพรรณดังดวงเดือน
งานละม่อมพร้อมสิ้นทั้งอินทรีย์ นางในธรณีไม่มีเหมือน
แสร้งทำแลเสี่ยงเบี่ยงเปือน ให้ฟั่นเฟือนเตือนจิตคิดปอง
พระจึงตั้งสัตย์อธิษฐาน แม้นบุญญาธิการเคยสมสอง
ขอให้ทรามสงวนนวลน้อง เห็นรูปพี่เป็นทองต้องใจรัก

๓. ลักษณะนิสัย
รจนาเป็นกุลสตรี เป็นผู้หญิงที่เรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน อยู่ในกรอบประเพณีและเป็นแม่บ้านแม่เรือน เป็นหญิงที่มีความอดทนและมีการควบคุมภาวะทางอารมณ์ได้อย่างดียิ่งและเป็นผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตัวของตังเองสูง โดยมีสติไม่ได้ตัดสินใจด้วยอารมณ์แต่ตัดสินใจด้วยเหตุผลที่ตนเองได้ไตร่ตรองแล้ว มีจิตใจที่เป็นอิสระ และมีความเข้มแข็ง จะเห็นได้จากการเลือกคู่ของนางในตอนแรกที่นางไม่เลือกใครเลย และมาครั้งที่สองก็ได้เลือกเจ้าเงาะในที่สุด การกระทำทั้งสองครั้งนี้เป็นสิ่งขัดแย่งกับความคิดความเข้าใจของคนอื่น แต่รจนาก็กล้าคิดกล้ากระทำด้วยความเชื่อมั่นว่าตนเองเป็นผู้ถูก และอดทนจนความจริงปรากฏ
หากเราจะมาพิจารณาเหตุผลที่รจนาเลือกเจ้าเงาะ จะพบว่า นอกจากความปลาบปลื้มในรูปโฉมของพระสังข์แล้ว นางได้ครวญว่า

แสนสมัครรักใคร่ใหลหลง ด้วยรูปทรงเป็นทองต้องจิต

รจนายังเลือกเจ้าเงาะด้วยเหตุผลที่สงสัยว่าเป็น บุญของตนที่ได้เห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นด้วย สิ่งนี้น่าจะเป็นการท้าทายการตัดสินใจของรจนามากกว่า นางจึงไม่ได้ทิ้งพวงมาลัยไปสวมหัตถ์ผู้ที่เลือกเหมือนอย่างพี่นางทั้งหกคน แต่ใช้วิธีเสี่ยงพวงมาลัย คือก่อนที่ทิ้งพวงมาลัยนั้นได้อธิฐานด้วยว่าหากพระสังข์และนางเป็นคู่ครองกันมาแต่ชาติปางก่อน ก็ขอให้มาลัยที่ทิ้งไปต้องตัวเจ้าเงาะรูปทอง ในตอนนั้นชายที่มาให้นางรจนาเลือกคู่นั้นมีเจ้าเงาะเพียงคนเดียว หากตกลงใจเลือกแล้วจะทิ้งพวงมาลัยไปอย่างไรก็ต้องถูกเจ้าเงาะ การเสี่ยงพวงมาลัยอธิฐานจึงเป็นการเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจ การเลือกคู่ครองที่ผู้อื่นเห็นว่าไม่เหมาะสม เช่นนี้ ทำให้รจนาอยู่ในภาวะน้ำท่วมปาก เพราะนางรู้ดีว่าอธิบายสิ่งที่นางเห็นอย่างไรก็จะไม่มีใครเชื่อ คนย่อมเชื่อในสิ่งที่เห็นกับตา อันได้แก่รูปโฉมภายนอกมากกว่าจะเชื่อสิ่งที่มองไม่เห็น อันได้แก่จิตใจ เจ้าเงาะจึงกล่าวกับรจนาว่า

ซึ่งสวมรูปเงาะป่ามานี้ไซร้ หวังจะให้น้องคิดปริศนา

ปริศนาที่ว่าคือ การใช้รูปเงาะเป็นสิ่งวัดน้ำใจ คนทั่งไปย่อมไม่ชอบสิ่งที่น่าเกลียดน่าชัง แต่คนที่มีปัญญามีเหตุผลย่อมสามารถมองทะลุรูปร่างภายนอกเข้าไปสัมผัส ของแท้ที่อยู่ภายในได้ เหมือนเช่นที่รจนามองเห็นรูปทองที่อยู่ในร่างเงาะ เจ้าเงาะจึงชมเชยนางรจนาว่า

เจ้าปลงถูกแล้วนะแก้วตา จึงรู้ว่าเงาะงามเป็นรูปทอง

ลักษณะนิสัยกล้าเสี่ยงกับสิ่งที่ท้าให้พิสูจน์ และต้องได้คำตอบจนหมดข้อสงสัยจึงจะคลายใจเช่นนี้เอง ทำให้นางรจนาไม่ได้เคลิบเคลิ้มไปกับการเกี้ยวพาราสี ถูกเนื้อต้องตัวของพระสังข์จนหมดใจ เหมือนตัวอย่างตัวละครหญิงบางคนในวรรณคดีไทยเรื่องอื่น ๆ ที่ร่วมประเวณีกับผู้ชายโดยที่ไม่ได้รู้จักมาก่อน เช่น นางรื่นนางโรยในลิลิตพระลอ นางอุษาในอนิรุทธิ์ตำฉันท์และอุณรุท เป็นต้น รจนาไม่ยอมปลงใจกับพระสังข์จนกว่าจะได้รู้ว่า มีเทือกเถาเหล่ากออย่างไร เมื่อได้รู้ว่ามีชาติกำเนิดสูงเป็นกษัตริย์รจนาจึงหมดข้อสงสัย ดังที่กวีบรรยายว่า

ที่ทุกข์ร้อนผ่อนผันบรรเทา นงเยาว์ยิ้มเหยาะหัวเราะหริก

ลักษณะนิสัยของรจนาอีกประการหนึ่งที่ไม่พบในตัวละครผู้หญิงในวรรณคดีไทยเรื่องอื่น ๆ คือเป็นผู้ที่มีอารมณ์ขัน ทั้งนี้การที่สังข์ทองเป็นบทละครนอกซึ่งมีจุดประสงค์และเสนอความสนุกสนานบันเทิงแก่ผู้ที่ดูละคร น่าจะเป็นปัจจัยของการสร้างตัวละครให้แสดงพฤติกรรมชวนหัวเราะ แต่โดยมากกวีมักจะสร้างลักษณะนิสัยเช่นนั้นกับตัวละครระดับรองมากกว่าตัวละครเอก และมักไม่สร้างตัวนางเอก ให้มีลักษณะชวนขัน รจนาเป็นตัวละครหญิงที่ต่างจากมาตรฐาน เพราะรจนาเป็นนางเอกที่มีอารมณ์ขันไม่แพ้เจ้าเงาะในตอนที่รจนาทำลายรูปเงาะเพราะต้องการให้คนอื่นเห็นพระสังข์รูปทองเหมือนอย่างที่ตนเห็น พระสังข์ตื่นมาเห็นเข้า กริ้วโกรธ และขัดขวางไว้ได้รจนายอมรับผิดและง้อขอโทษอย่างจริงจังว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก แล้วจึงเข้าไปประจบเอาใจเจ้าเงาะ ดังกวีพรรณนาว่า

ว่าพลางนางเข้าไปนวดฟั้น หลังไหล่ไหนคันจะช่วยเกา
ยื่นมือมาจี้ที่สีข้าง จะหย่าร้างกันจริงเจียวหรือเจ้า
เอนอิงพิงทับลงกับเพลา เคี้ยวประทานสักคำทำปะเลาะ
ยียวนชวนผัวให้หั่วเราะ แสร้งเซาะสรวลสันต์จำนรรจา

การเป็นภรรยาที่ดีของรจนา รจนานับว่าเป็นตัวละครหญิงที่ขยันทำกิจการงานในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง ทั้ง ๆ ที่นางเป็นราชธิดา แต่เมื่อต้องถูกเนรเทศมาอยู่กับเจ้าเงาะ 2 คนที่กระท่อมปลายนา รจนาอดทนต่อความยากลำบากที่นางได้บอกว่า
ไม่เคยเห็นเช่นนี้แต่เกิดมา …………………………”

และขยันเรียนรู้กิจการแม่บ้านแม่เรือนที่นางไม่เคยทำมาก่อน ดังที่นางรำพึงกับเจ้าเงาะว่า

น้องนี้แต่กำเนิดเกิดมา จะหุงข้าวหุงปลาก็ไม่เคย

แต่ในที่สุดรจนาได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากราชธิดามาเป็นเมียชาวบ้าน ทำงานอย่างขยันขันแข็งตามที่เจ้าเงาะสอน ดังคำกล่าวที่ว่า

เช้าค่ำพร่ำสอนสั่งเมีย ให้เมียปั่นฝ้ายทอผ้า

รจนาก็เป็นชายาที่ดีที่น่าชื่นชมยกย่องความสามารถของสวามีว่า น้อยหรือเพราะแจ้วเจื้อยเฉื่อยฉ่ำและ สวดซ้ำอีกสักนิดยังใจนอกจากนี้ หน้าที่การปรนนิบัติสามี ตามที่กล่าวไว้ในวรรณคดีคำสอน คือ ปัดปูที่นอน นวดเฟ้น พัด ฯลฯ นางก็ปรนนิบัติโดยไม่ขาดตกบกพร่อง รวมทั้งการจงรักภักดีอันเป็นคุณสมบัติของภรรยาในอุดมคติทั่งไป ดังที่นางรู้สึกว่าการที่ท้าวสามมนต์บัญชาให้เจ้าเงาะหาเนื้อหาปลาจำนวนมากไปถวายเป็นการ คิดอ่านพาลฆ่าชีวาลัยนางจึงประกาศยอมตายตามเจ้าเงาะด้วยอย่างเด็ดเดี่ยว ดังบทประพันธ์ที่ว่า

ถ้าพระรูปทองน้องบรรลัย เมียจะตายเช้าไปมิได้พรั่น
จะให้เขาพิฆาดฟาดฟัน สู้ตายตามกันไปไม่คิดกลัว
ไม่ขออยู่ดูหน้าคนทั้งหลาย มิให้ชายอื่นต้องเป็นสองผัว
ว่าพลางทางทุ่มทอดตัว ตีอกชกหัวเข้ารำไร

ลักษณะเด่นประการสุดท้ายคือ รจนามีนิสัยปากกล้าไม่กลัวใคร เป็นคนเจ้าคารม ดังตอนที่โต้เถียงกับพี่นางทั้งหกคน ที่ด่าว่าเรื่องเลือกเจ้าเงาะเป็นสามี รจนาโต้ตอบเหน็บแนมพี่เขยอย่างเจ็บแสบว่า

รูปร่างน้อยน้อยอร่อยใจ จงกอดไว้เถิดคะอย่าละวาง

เมื่อทะเลาะกันหน้าที่นั่งตอนเข้าไปถวายปลา รจนาแสดงกิริยาหยาบคาย ถ่มน้ำลายรดให้แล้วไคลคลาทำให้พระพี่นางทั้งหกโกรธแค้น ตามมาทะเลาะตบตีกันอึงคะนึง อย่างไรก็ตาม แม้รจนาจะปากกล้าไม่เกรงกลัวใครเช่นนี้ ก็ยังไม่เคยหยาบคายกับพระมารดาเหมือนนางมโนห์รา ในบทละครสมัยกรุงศรีอยุธยา ตอนที่นางถูกมารดาดุด่าว่า อีดอกทองนางโต้ตอบรุนแรงไม่แพ้กันว่า

นางแม่ของลูกอา แม่มาด่าลูกไม่ถูกต้อง ทั้งพี่ทั้งน้องเหล่า เราดอกทองเหมือนกัน ดอกทองสิ้นทั้งเผ่า เหล่าเราดอกทองสิ้นทั้งพันธุ์ ดอกทองเสมือนกัน ทั้งองค์พระราชมารดา

ดังนั้น อาจกล่าวว่า รจนาเป็นลูกที่กตัญญูต่อพ่อแม่ นางมิได้ขุ่นเคืองที่ถูกเนรเทศ กลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เมื่อพ่อแม่บ้านเมืองเดือดร้อน นางก็ช่วยเหลือเจรจาอ้อนวอนเจ้าเงาะให้ช่วยเหลือโดยไม่เกี่ยงงอนเลย รจนาจึงเป็นตัวละครหญิงที่รักษาคุณสมบัติของผู้หญิงในอุดมสติและยังมีอุปนิสัยเชื่อมั่นความคิดและการตัดสินใจของตนเอง ในกรณีที่จะคิดแตกต่างไปจากผู้อื่น
ความเคียดแค้น ในขณะเดียวกันหญิงสาวอย่างนางรจนาก็เป็นศัตรูที่น่ากลัว ด้วยนิสัยที่อาฆาตพยาบาทของนาง แม้แต่ที่พี่สาวสายเลือดเดียวกันก็สร้างความไม่พอใจให้ นางยังผูกใจเจ็บหาทางแก้แค้นเอาคืน ดังที่มีการบรรยายไว้ว่า

รจนากลั้นยิ้มมิใคร่ได้
สรวงพลางทางว่าข้าขอบใจ
เมียมันจะได้ดูหน้ากัน
ช่างแก้แค้นแทนทำพอสาสม
ที่เมียมาค้าคารมเย้ยหยัน
วันนี้น้องจะตามจรจรัล
ไปดูจมูกมันให้เต็มตา
จะเห็นได้ว่า นางถูกพี่ทั้งหลายถาถางและด่าว่า นางยังผูกใจเจ็บหาทางแก้แค้น

๔. ด้านสติปัญญา
รจนาเป็นผู้เห็นว่าของความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน รจนาเป็นลูกสาวของเจ้าเมืองเกิดมาพร้อมกับยศศักดิ์และความสะดวกสบายทุกอย่าง แต่รจนาก็มิได้หลงใหลหรือยึดมั่นจนมองเห็นคนอื่นที่ต่ำต้อยยากจนกว่าตน ว่าน่ารังเกียจไม่ควรคบหาสมาคม พสกนิกรของท้าวสามนต์นั้นส่วนใหญ่ย่อมเป็นคนสามัญที่ยึดอาชีพทำไร่ทำสวน รจนาก็พร้อมที่จะดำรงชีวิตเช่นนั้น เพราะเมื่อเลือกเจ้าเงาะไปแล้ว หากเจ้าเงาะไม่ถอดรูปเป็นพระสังข์ทอง นางก็พร้อมที่จะเป็นคู่ทุกข์คู่ยากช่วยกันทำมาหากินเลี้ยงชีพ ไปตามประสาผัวเมีย นี่ย่อมแสดงถึงความไม่ดูถูกเหยียดหยามคนต่ำต้อยของรจนา รจนาให้ค่าของความเป็นมนุษย์ทัดเทียมกันพร้อมที่จะผจญกับความยากลำบากเคียงคู่ไปกับสามี มิใช่ผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดิน หรือประเภทเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เช่น เจ้าหญิงหรือลูกเศรษฐีบางคน รจนาเป็นนักสู่ชีวิตควรแก้การสรรเสริญ


ที่มา:https://sites.google.com/site/kikzanaka39/nang-rcna

ขอบพระคุณเเหล่งที่มาเป็นอย่างสูง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นางเอื้อย

นางโมรา